ข่าวสาร

ติดตามข่าวสารล่าสุดได้ที่นี่

"ไทรเบคก้าฯ" ในเครือไทยฮั้วยางพารา
ทุ่ม 3,200 ล้าน ตั้งนิคมอุตสาหกรรมยาง

project
"ไทร เบคก้าฯ" ในเครือไทยฮั้วยางพาราทุ่มกว่า 3,200 ล้าน ตั้งนิคมอุตสาหกรรมยาง จ.ระยอง พื้นที่กว่า 2,400 ไร่ รองรับอุตสาหกรรมต่อเนื่อง คาดต้นปี 55 เปิดขายได้ เผยนักลงทุนจีน-ฟินแลนด์รายใหญ่ สนลงทุนซื้อไม่ต่ำกว่า 300 ไร่ พร้อมเดินหน้าโครงการร่วมทุนไทยฮั้วฯกับบริษัทหาง โจว จูง เชอ ผลิตยางรถยนต์โรงงานแรกในนิคม

นางมณฑา ประณุทนรพาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ.ได้ลงนามสัญญาร่วมกับบริษัท ไทร เบคก้า เอ็นเตอร์ ไพร์ส จำกัด จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง เพื่อรองรับอุตสาห กรรมแปรรูปยางพาราขั้นปลาย และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ยางรถยนต์, หลอด, ท่อ เป็นต้น มีแผนพัฒนา 3 ปี มูลค่าลงทุน 3,240 ล้านบาท พื้นที่ประมาณ 2,441 ไร่ โดยพื้นที่ของนิคมตั้งอยู่ที่ ต.สำนักทอง อ.เมือง จ.ระยอง ใกล้ท่าเรืออุตสาหกรรม มาบตาพุด สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งมีความสะดวกในการคมนาคมขนส่ง และอยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบ

ปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างการจัดทำรายงานศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมเสนอสำนักงานนโยบายแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณาประมาณเดือนพฤศจิกายน 2554 นี้ และเปิดดำเนินการเฟสแรกได้ในปี 2555

นายหลักชัย กิตติพล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ยางพารารายใหญ่ เปิดเผยว่า ไทยฮั้วฯเป็นบริษัทแม่ของบริษัท ไทร เบคก้าฯ โดยการลงทุน 3,240 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าที่ดิน 817 ล้านบาท ค่าก่อสร้างและพัฒนาระบบสาธารณูปโภค 1,892 ล้านบาท และค่าออกแบบควบคุมงาน 531 ล้านบาท เบื้องต้นไทร เบคก้าฯลงทุนเอง 100% แต่ก็พร้อมเปิดรับผู้สนใจเข้ามาร่วมลง ทุนในสัดส่วนไม่เกิน 25%

ในส่วนของพื้นที่ 2,441 ไร่ แบ่งการใช้ที่ดินเป็น 3 ส่วน คือ พื้นที่ที่ก่อให้เกิด รายได้ประมาณ 1,800 ไร่ สาธารณูปโภค 400 ไร่ และพื้นที่สีเขียว 140 ไร่ คาดว่าจะสามารถเปิดขายพื้นที่ได้ต้นปี 2555 ขณะนี้มีผู้สนใจเข้ามาลงทุนในนิคมแล้ว 10 ราย พื้นที่รวมประมาณ 1,000 ไร่ ซึ่งมี 2-3 รายที่เป็นรายใหญ่จากประเทศจีน และฟินแลนด์สนใจซื้อที่ดินก่อสร้างโรงงานผลิตยางรถยนต์ รายละไม่ต่ำกว่า 300 ไร่ แต่เนื่องจากยังเป็นความลับทางการค้า ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อนักลงทุนรายดังกล่าวได้

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทไทยฮั้วฯได้ร่วมลงทุนกับบริษัท หาง โจว จูง เชอ มูลค่า 5,000 ล้านบาท ก่อสร้างโรงงานผลิตยางรถยนต์ กำลังการผลิตเฟสแรก 1.3 ล้านเส้น แบ่งเป็นยางรถยนต์นั่ง 1 ล้านเส้น และยางรถบรรทุก 3 ล้านเส้น คาดว่าจะเป็นโรงงานแรกที่เกิดขึ้นในนิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง

"ประเทศจีนถือเป็นประเทศมีการผลิต มีการใช้ยางเป็นจำนวนมาก ซึ่งบริษัท หาง โจว จูง เชอ เป็นผู้ผลิตยางรถยนต์อันดับ 3 ของโลก โดยมองเห็นโอกาสทั้งด้านวัตถุดิบและตลาด จึงเข้ามาลงทุนผลิตยางรถยนต์ในประเทศไทย มูลค่า 5,000 ล้านบาท โดยไทยฮั้วฯถือหุ้น 15% หากลงทุนเฟสแรกเป็นไปตามเป้าหมาย ในอีก 3 ปีน่าจะลงทุนขยายกำลังการผลิตเพิ่ม ยางรถยนต์ 3 ล้านเส้น และยางรถบรรทุก 1 ล้านเส้น"

นายหลักชัยกล่าวอีกว่า นิคมดังกล่าวยังสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาง ไม้ยางพารา เพื่อเป็นการยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้กับอุตสาหกรรม ซึ่งขณะนี้บริษัท ไทร เบคก้าฯได้ร่วมกับนักลงทุนจีนตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาขึ้นมาเช่นเดียวกัน

สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราในประเทศไทย คาดว่าปริมาณผลผลิตในปีนี้จะอยู่ที่ 3.4 ล้านตัน เพิ่มจากปี 2553 ที่มีปริมาณผลผลิต 3.2 ล้านตัน ราคายังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ทั้งยางแท่งและยางแผ่นประมาณ 130 บาท/กิโลกรัม โดยภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐและยุโรป ถือเป็นความเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม